เข้าระบบ
สมัครสมาชิก
ลงประกาศฟรี
ติดต่อเรา
Toggle navigation
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบสมาชิก
×
เข้าสู่ระบบ
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ครบเครื่องเรื่องมวยไทย วิเคราะห์ข่าวมวยไทย
ลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ฟรี
'ค้าปลีก' หวั่น 'เอสเอ็มอี' 2 แสนรายปิดตัว ตกงานพุ่ง จี้นายกฯ ช่วยด่วน!
ผู้โพส! :
fairya
ดูรายละเอียดผู้โพส!
ข่าวใหม่ล่าสุด
ไฟเขียวเมื่อไหร่ จัดชิงปูนเมื่อนั้น...
รายการใกล้เคียง
ขายกิจการโรงแรม 4 ดา...
ขายกิจการโรงแรม 4 ดาว ในเมืองเ...
ขายดาวน์คอนโด The st...
ขายดาวน์คอนโด The stage mindsc...
'ค้าปลีก' หวั่น 'เอสเอ็มอี' 2 แสนรายปิดตัว ตกงานพุ่ง จี้นายกฯ ช่วยด่วน!
0 ตอบ
233 อ่าน
«
fairya
»เมื่อ:
24 กรกฎาคม 2564, 12:56 »
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ทำให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการป้องกันในพื้นที่ควบคุมสูงสุด "สมาคมผู้ค้าปลีกไทย" ได้ทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องขอเสนอมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อให้ความช่วยเหลือ "
เอสเอ็มอี
" ในภาคค้าปลีกและบริการอย่างเร่งด่วน
โดยขณะนี้ มีเอสเอ็มอี ในระบบกว่า 200,000 ราย ที่กำลังจะต้องปิดตัวลง และมีลูกจ้าง 1-1.5 ล้านราย ที่จะต้องขาดรายได้และไม่มีงานทำ ทั้งยังส่งผลกระทบกับสถาบันการเงินอย่างหนัก เพราะจะก่อให้เกิดหนี้เสียหลายแสนล้านบาท โดย นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ในขณะที่การฉีดและกระจายวัคซีนยังไม่เป็นไปตามเป้า ยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก
จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลควรเร่ง "เยียวยา" กลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ขอนำเสนอ 4 มาตรการเร่งด่วน ดังนี้
1. มาตรการสาธารณสุข
1.1 เร่งจัดหาและกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง โดยใช้พื้นที่จุดฉีดวัคซีนที่ภาคค้าปลีกและบริการได้เตรียมไว้ทั้งหมด 93 จุด แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 25 จุดและในต่างจังหวัดอีก 68 จุด ทั่วประเทศให้เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเพิ่มบริการตรวจ Rapid Antigen Test ให้กับประชาชน
1.2 จัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรในภาคค้าปลีกและบริการ โดยเฉพาะศูนย์กระจายสินค้าของกลุ่มการค้าปลีกและบริการ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนสินค้า
2. มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาชน
2.1 เร่งสถาบันการเงินอนุมัติเงินกู้ Soft Loan ให้เอสเอ็มอีเร็วขึ้น เพราะในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีเอสเอ็มอีที่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพียง 10% ของจำนวนที่ยื่นขอสินเชื่อไปแล้วกว่า 30,000 ราย
2.2 สำหรับเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้กับสถาบันการเงินในปัจจุบัน ขอให้พักชำระหนี้และ หยุดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2.3 ช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดค่าน้ำ ค่าไฟ เพิ่มเป็น 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือน
2.4 ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีการจ้างงานเพิ่ม ขอผ่อนผันให้เป็นการจ้างงานแบบรายชั่วโมงเป็นการชั่วคราว เพื่อแบ่งเบาภาระให้ผู้ประกอบการ และลดอัตราการว่างงาน
2.5 เพื่อเป็นการเพิ่มให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ขอให้ปรับเพิ่มรายได้พึงประเมินบุคคลธรรมดาขั้นต่ำที่จะเสียภาษีจาก 150,001 บาท เป็น 250,001 บาท ในปี 2564-2565
2.6 ผ่อนผันให้ร้านอาหารในศูนย์การค้าสามารถให้บริการ Delivery ได้ เพื่อช่วยเหลือ SME ให้สามารถพยุงธุรกิจได้ และลูกจ้างยังมีงานทำต่อไป
3. มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
3.1 นำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้ง โดยเพิ่มวงเงินเป็น 100,000 บาท เพื่อกระตุ้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง
3.2 ขอให้ภาคเอกชนไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลและ BOI เช่นเดียวกับการที่ นักลงทุนต่างชาติได้รับ เนื่องจากภาคเอกชนที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ยังมีความแข็งแรง สามารถลงทุนเพิ่ม แต่อาจขาดความมั่นใจและแรงกระตุ้น พร้อมยังช่วยทำให้เกิดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
4. มาตรการรองรับเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)
4.1 กำหนดนโยบายและกฎหมายที่ชัดเจนเพื่อควบคุมบางธุรกิจ ห้ามนักลงทุนต่างชาติ ทำโดยเด็ดขาด และบางธุรกิจสามารถทำได้ แต่มีเงื่อนไข เพื่อปกป้องอาชีพและธุรกิจของคนไทย โดยไม่ทำลายอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยในที่สุด
4.2 ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม จัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่บาทแรก และห้ามขายต่ำกว่าราคาต้นทุน
4.3 เร่งผลักดันการทำ Digitalization ของหน่วยงานภาครัฐสำหรับใบอนุญาตต่างๆ ให้เป็นแบบ E-Form, E-License, E-TAX และ E-Invoice และลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตเหลือเพียง 1 ใบ (Super License) จากเดิมที่ผู้ประกอบการค้าปลีกหรือค้าส่งต้องขอใบอนุญาตต่างๆ กว่า 43 ใบ
4.4 ปรับรูปแบบการบริการของหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการแก่ประชาชน เป็นแบบ Cashless Payment (การทำธุรกรรมทางการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อช่วยลดกระดาษ ลดเอกสาร ลดขั้นตอน ลดเวลา และสามารถตรวจสอบเอกสารย้อนหลังได้จากระบบ
“ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสงครามเชื้อโรคที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราอยู่ในช่วงวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อก้าวข้ามความท้าทายนี้ไปให้ได้ โดยสมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลในการผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยและขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง” นายญนน์กล่าวปิดท้าย
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »