เข้าระบบ
สมัครสมาชิก
ลงประกาศฟรี
ติดต่อเรา
Toggle navigation
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบสมาชิก
×
เข้าสู่ระบบ
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ครบเครื่องเรื่องมวยไทย วิเคราะห์ข่าวมวยไทย
ลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ฟรี
IVL ยันไม่เพิ่มทุน แม้ซื้อกิจการบราซิลราว 5 หมื่นล้าน
ผู้โพส! :
Chanapot
ดูรายละเอียดผู้โพส!
ข่าวใหม่ล่าสุด
ไฟเขียวเมื่อไหร่ จัดชิงปูนเมื่อนั้น...
รายการใกล้เคียง
Waterford Sukhumvit ...
Waterford Sukhumvit 30, clean,...
Ideo Sukhumvit 93 cl...
Ideo Sukhumvit 93, clean, comf...
IVL ยันไม่เพิ่มทุน แม้ซื้อกิจการบราซิลราว 5 หมื่นล้าน
0 ตอบ
269 อ่าน
«
Chanapot
»เมื่อ:
10 สิงหาคม 2564, 04:31 »
นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้า
ลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
(D/E) ลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 D/E จะลดลงต่ำกว่าระดับ 1.2 เท่า จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ระดับ 1.27 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A)
ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท Ultrapar เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท Oxiteno S.A. ประเทศบราซิล โดย Oxiteno เป็นผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวแบบบูรณาการในทวีปอเมริกาและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา เบื้องต้นประเมินมูลค่าดีลซื้อกิจการเบื้องต้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5 หมื่นล้านบาท)
อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจากการเตรียมความพร้อมทั้งกระแสเงินสดและ D/E ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายมีโอกาสน้อยกว่าที่เคยแจ้งนักลงทุนเอาไว้
นอกจากนี้ IVL ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เบื้องต้นคาดว่ายอดขายจะเติบโต 9% โดยมาจากธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide and Derivatives: IOD) ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 สภาพอากาศหนาวจัด (Polar Vortex) และโรงงานก๊าซแครกเกอร์ใน Lake Charles ประเทศสหรัฐที่จะกลับมาเดินเครื่องครึ่งแรกในไตรมาส 3 ปี 2564 หลังปิดซ่อมบำรุงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าตั้งแต่เดือน ส.ค.2563
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 10% นั้น มองเป็นผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรในต่างประเทศที่สูง โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ขณะที่สัดส่วนพอร์ตในเอเชียที่ 8-9% มาจากหลายประเทศไม่เฉพาะไทยเท่านั้น เมื่อแปลงกำไรในสกุลเงินอื่นๆ กลับเข้ามาในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากค่าเงินเพิ่มขึ้น
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »