เข้าระบบ
สมัครสมาชิก
ลงประกาศฟรี
ติดต่อเรา
Toggle navigation
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบสมาชิก
×
เข้าสู่ระบบ
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ครบเครื่องเรื่องมวยไทย วิเคราะห์ข่าวมวยไทย
ลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ฟรี
คาดกินเจปีนี้ไม่คึกคัก มีมูลค่า 40,147 ล้าน ลด 14.5% หดตัวครั้งแรกรอบ 14 ปี
ผู้โพส! :
kaidee20
ดูรายละเอียดผู้โพส!
ข่าวใหม่ล่าสุด
ไฟเขียวเมื่อไหร่ จัดชิงปูนเมื่อนั้น...
รายการใกล้เคียง
บ้านเดี่ยวบางกอก บูเ...
บ้านเดี่ยวบางกอก บูเลอวาร์ด ปิ...
ขายบ้านเดี่ยวมือสอง ...
Code ID : PGCMI640018&n...
คาดกินเจปีนี้ไม่คึกคัก มีมูลค่า 40,147 ล้าน ลด 14.5% หดตัวครั้งแรกรอบ 14 ปี
0 ตอบ
203 อ่าน
«
kaidee20
»เมื่อ:
02 ตุลาคม 2564, 01:00 »
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผย
กินเจปีนี้ไม่คึกคัก
คาดใช้จ่าย 40,147 ล้านบาท ลดลง 14.5% หดตัวครั้งแรกในรอบ 14 ปี เหตุคนกังวลโควิด-19 ราคาสินค้าแพง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,208 ราย ว่า เทศกาลกินเจปีนี้ไม่คึกคัก คาดว่ามีมูลค่าการใช้จ่ายอยู่ที่ 40,147 ล้านบาท ลดลง 14.5% เป็นการหดตัวครั้งแรกจากที่เคยทำการสำรวจมาตั้งแต่ปี 2551 หรือหดตัวในรอบ 14 ปี โดยมีสาเหตุมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน มีความกังวลเรื่องราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ลดการจับจ่ายใช้สอย
นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 60.9% จะไม่กินเจเพราะกังวลเรื่องของเศรษฐกิจไม่ดี ไม่ได้ต้องการจะกินเจ มีเพียง 39.1% ที่ยังคงกินเจอยู่เพราะต้องการทำบุญ โดยช่องทางในการเลือกซื้ออาหารเจ 87.8% จะไปซื้อด้วยตัวเองผ่านร้านค้า ตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ และ 12.2% ไม่ได้ไปซื้อด้วยตัวเอง ซื้อผ่านตัวกลาง เช่น ไลน์แมน วินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
สำหรับราคาอาหาร และวัตถุดิบในการปรุงอาหารเจปี 2564 เทียบปีที่ผ่านมา ประชาชน 47.6% เห็นว่าแพงขึ้น 45.5% เห็นว่าเท่าเดิม และ 6.9% เห็นว่าลดลง ส่วนการใช้จ่ายในช่วงกินเจ ส่วนใหญ่ตอบว่าเท่าเดิม โดยเงินที่นำมาใช้จ่ายมาจากรายได้ประจำ 81.9% เงินช่วยเหลือจากภาครัฐ 7.7% และเงินออม 4.5%
ทั้งนี้ ได้มีการสอบถามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต พบว่า การจับจ่ายของประชาชนลดลงทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว การซื้อรถคันใหม่ และซื้อสินค้าคงทน ส่วนการคาดการณ์เศรษฐกิจ มองว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 เพราะยังห่วงเรื่องของโควิด-19 แต่การล็อกดาวน์ในหลายกิจการ จะทำให้ประชาชนมีความกล้าในการใช้ชีวิตมากขึ้น และจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติหลังจากนี้อีก 4 เดือน ส่วนการเปิดประเทศประชาชนส่วนใหญ่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะยังกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่
“สิ่งที่ประชาชนต้องการ คือให้ภาครัฐช่วยเหลือเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ คือ ต้องการเงินเยียวยาต่ออีก และกระจายผู้ที่ได้รับมากขึ้น ต้องการให้การเมืองมีเสถียรภาพ ต้องการให้หาแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ต้องการให้กระตุ้นการลงทุนของนักลงทุน ช่วยหางานสำหรับผู้ตกงานและแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ” นางอุมากมลกล่าว
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »